ในช่วงปลายปีนี้ที่อากาศแปรปรวน ทั้งฝนตก ความชื้นสูง หรืออุณหภูมิที่สลับร้อนหนาวในแต่ละวัน ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของ “ยาและเวชภัณฑ์” ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดเก็บไปตลอดจนการขนส่งถึงปลายทาง
แม้การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็อาจทำให้ตัวยาเสื่อมสภาพหรือประสิทธิภาพลดลงได้อย่างมาก บทความนี้จะพาคุณสำรวจ “ความท้าทายของการขนส่งยาและเวชภัณฑ์” ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน พร้อมแนวทางและมาตรฐานการขนส่งที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ได้อย่างปลอดภัยในทุกฤดูกาล

1. ความท้าทายของการขนส่งเวชภัณฑ์ยาในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
สภาพอากาศที่แปรปรวนกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการจัดเก็บและการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ไวต่ออุณหภูมิ เช่น วัคซีน อินซูลิน และยาน้ำบางประเภท หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาจส่งผลให้ยาเสื่อมสภาพหรือประสิทธิภาพลดลงก่อนถึงปลายทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยความเสี่ยงหลัก ๆ ที่ต้องเผชิญ ได้แก่
ความไม่แน่นอนของอุณหภูมิ
อุณหภูมิที่สูงเกินขอบเขต หรืออุณหภูมิที่เย็นเกินไป รวมถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว ล้วนส่งผลกระทบต่อยาและเวชภัณฑ์ที่ไวต่ออุณหภูมิ เช่น วัคซีน, อินซูลิน, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์ หรือยาชีววัตถุ หากไม่มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมระหว่างกระบวนการขนส่ง ตั้งแต่การโหลดสินค้าไปจนถึงจุดหมายปลายทาง อาจทำให้เกิดการหลอมละลาย การแข็งตัว หรือการเสื่อมประสิทธิภาพของตัวยาได้
ความชื้นและน้ำ
นอกจากอุณหภูมิแล้ว “ความชื้นในอากาศ” ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มักถูกมองข้าม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือพื้นที่ที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูง หากไม่มีระบบควบคุมความชื้นที่เหมาะสมในพื้นที่จัดเก็บหรือระหว่างการขนส่ง อาจส่งผลให้บรรจุภัณฑ์ภายนอกเกิดความเสียหาย เช่น กล่องกระดาษอ่อนตัว หรือเกิดเชื้อราได้ อีกทั้งตัวยาในรูปแบบเม็ดหรือผงอาจดูดความชื้นจนเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
ระยะเวลาในการขนส่งที่คาดเดาไม่ได้
สภาพอากาศที่เลวร้ายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุ, หมอกหนา, น้ำท่วม หรือฝนตกหนัก อาจทำให้รถขนส่งเกิดความล่าช้า หากไม่มีขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบ ไม่มีแผนสำรองเรื่องการขนย้ายสินค้า อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสินค้าได้
สรุปได้ว่า การขนส่งเวชภัณฑ์ยาในช่วงอากาศแปรปรวนเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากอุณหภูมิที่ไม่คงที่ ความชื้นที่สูงขึ้น และความล่าช้าจากสภาพอากาศหรือภัยธรรมชาติ ซึ่งล้วนส่งผลต่อความคงตัวและคุณภาพของยาโดยตรง ดังนั้นการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการวางแผนขนส่งอย่างเป็นระบบจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ยาปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจนถึงปลายทาง

2. มาตรการการขนส่งยาและเวชภัณฑ์อย่างปลอดภัย
เพื่อลดผลกระทบจากความแปรปรวนของอากาศจากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น ต้องอาศัยการวางระบบและมาตรการควบคุมที่รัดกุม เพื่อให้ยาและเวชภัณฑ์ยังคงคุณภาพได้ตลอดกระบวนการขนส่ง โดยคำนึงถึงการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน GDP (Good Distribution Practices) อย่างเคร่งครัด
การควบคุมอุณหภูมิระหว่างขนส่ง
การขนส่งยาที่ไวต่ออุณหภูมิควรดำเนินการไปควบคู่กับรถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิที่สามารถรักษาระดับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับชนิดของยาได้ เช่น 15-25°C สำหรับอุปกรณ์การแพทย์ 2–8°C สำหรับยาทั่วไป หรือ ต่ำกว่า -15°C สำหรับวัคซีนบางประเภท และควรมีการตรวจสอบอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Temperature Sensor หรือ Data Logger เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดเส้นทางการขนส่งนั้น สินค้าจะยังคงอุณหภูมิตามที่กำหนด อย่างไรก็ตามทุกขั้นตอนของการขนส่งควรถูกบันทึกข้อมูลไว้เพื่อตรวจสอบย้อนหลังได้ ทั้งอุณหภูมิ เวลา และจุดส่งมอบสินค้า เพื่อใช้ในการประเมินคุณภาพและการปรับปรุงกระบวนการในอนาคต
การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม
กล่องบรรจุที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน เช่น กล่องโฟม หรือกล่อง Cool Box รวมถึงการรักษาอุณหภูมิภายในกล่องด้วยอุปกรณ์ทำความเย็น จะช่วยรักษาอุณหภูมิสินค้าภายในกล่องให้คงที่ แม้ภายนอกจะมีการเปลี่ยนแปลงของอากาศก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามการใช้อุปกรณ์ทำความเย็นภายในกล่องนั้น ควรต้องมีการคำนวณปริมาณและการจัดวางเพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับตัวยา
การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการขนส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ระบบ GPS ถูกนำมาใช้เพื่อติดตามสถานะการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตรวจสอบตำแหน่งและเส้นทางของรถขนส่งได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกันยังมีการติดตั้ง Temperature Sensor และ Data Logger เพื่อบันทึกและตรวจสอบอุณหภูมิของสินค้าตลอดระยะเวลาการขนส่ง ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่ายาและเวชภัณฑ์คงคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดตลอดกระบวนการ
การฝึกอบรมบุคลากร
การฝึกอบรมและพัฒนาความรู้ให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติงานเป็นอีกหนึ่งแนวทางการดำเนินงานตามมาตรฐาน GDP ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ครบครัน แต่หากผู้ปฏิบัติงานไม่มีความเข้าใจในมาตรการในการขนส่งหรือแนวทางการปฏิบัติเมื่อเกิดกรณีไม่คาดคิด ก็อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย การอบรมให้พนักงานเข้าใจถึงความสำคัญของการควบคุมอุณหภูมิ การจัดการสินค้าอย่างระมัดระวัง และการรับมือกับเหตุฉุกเฉินจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ดังนั้น การยึดมั่นในมาตรฐาน GDP (Good Distribution Practices) ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิ และการฝึกอบรมบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ คือหัวใจของการขนส่งยาอย่างปลอดภัย ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถป้องกันความเสี่ยงและคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ครบทุกขั้นตอน
3. บทบาทของผู้ให้บริการจัดเก็บและขนส่งผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง
ในยุคที่ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ต้องอาศัย “ความแม่นยำสูง” และ “การควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด” ผู้ให้บริการโลจิสติกส์เฉพาะทางจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาคุณภาพของสินค้าให้ครบถ้วนแทนผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

คลังสินค้ามาตรฐาน GDP
หากผู้ประกอบการเลือกใช้บริการจัดเก็บสินค้าประเภทยาและเวชภัณฑ์กับผู้ให้บริการ ผู้ประกอบควรคำนึงถึงคลังสินค้าที่ได้มาตรฐาน GDP (Good Distribution Practices) โดยภายในคลังต้องมีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่แม่นยำ พร้อมอุปกรณ์ตรวจวัดแบบเรียลไทม์ และมีการบันทึกข้อมูลเพื่อให้ตรวจสอบย้อนหลังได้ทุกช่วงเวลา

รถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ
ผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีรถขนส่งที่สามารถควบคุมอุณหภูมิของสินค้าได้ เพื่อคงสภาพสินค้าระหว่างการขนส่งตลอดเส้นทาง แม้ในช่วงที่อุณหภูมิภายนอกแปรปรวน เช่น ช่วงฝนตกหนักหรืออากาศร้อนจัด ซึ่งอาจเข้มงวดไปถึงการมีระบบ GPS ที่ช่วยติดตามรถขนส่งที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งอุณหภูมิภายในรถ เส้นทางการเดินรถ จนถึงไประยะเวลาการขนส่งแบบเรียลไทม์

การจัดด้านมาตรฐานความปลอดภัยและเหตุฉุกเฉิน
ผู้ให้บริการมืออาชีพจะมีทีม QA และ QC ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอุปกรณ์ รถขนส่ง และบุคลากร เพื่อในแน่ใจว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐาน GDP รวมถึงการมีแผนสำรองและรถสำรองพร้อมใช้งานทันทีหากรถขนส่งเกิดเหตุขัดข้อง ทำให้สามารถขนย้ายยาไปยังสถานที่จัดเก็บที่ได้มาตรฐานได้อย่างรวดเร็ว
4. แนวทางสำหรับผู้ประกอบการ
ผู้ประกอบการควรมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนทั้งในด้านการเตรียมสินค้า การเลือกพันธมิตรขนส่ง และการติดตามผลหลังการส่งมอบ ดังนี้
ตรวจสอบมาตรฐานของผู้ให้บริการก่อนเลือกใช้บริการ
เลือกผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GDP หรือมีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่ได้มาตรฐาน พร้อมทีม QA/QC ตรวจสอบคุณภาพในทุกขั้นตอน รวมถึงการตรวจสอบเอกสารการสอบเทียบ (Calibration) ของอุปกรณ์วัดอุณหภูมิ และ รายงานการตรวจสอบเส้นทางการขนส่ง (Temperature Mapping)
การสื่อสารที่ชัดเจน
ผู้ประกอบการควรระบุข้อกำหนดในการจัดเก็บและขนส่งสินค้าภายใต้การดูแลของตนให้ผู้ให้บริการทราบอย่างละเอียดตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอุณหภูมิ, ความชื้น, ข้อควรระวังพิเศษ
การติดตามการส่งมอบผลิตภัณฑ์
ผู้ประกอบการควรมีการกำหนดขั้นตอนการรับยาที่เข้มงวด โดยตรวจสอบความสมบูรณ์ของบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดส่งในอนาคต
ในยุคที่สภาพอากาศมีความไม่แน่นอน การรักษาคุณภาพของยาและเวชภัณฑ์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะความคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่องศาอาจหมายถึงความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้
INTER EXPRESS LOGISTICS พร้อมเป็นพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่คุณวางใจได้ ด้วยบริการ ขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิและคลังสินค้ามาตรฐาน GDP ดูแลครบทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ภายใต้การตรวจสอบโดยทีม QA/QC มืออาชีพ
📦 ติดต่อทีมงานได้ที่ https://iel.co.th/contact-us/ เพื่อให้เราช่วยวางแผนระบบขนส่งสำหรับธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ของคุณ
