อุตสาหกรรมยาในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปัจจัยสำคัญอย่างสังคมผู้สูงอายุและการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ง่ายขึ้น แต่ท่ามกลางการเติบโตนี้ ผู้ประกอบการกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนขึ้นในด้านการขนส่งและกระจายยา คำถามคือ…จะมั่นใจได้อย่างไร ว่ายาและ เวชภัณฑ์ ที่สำคัญเหล่านี้จะถึงมือผู้ป่วยด้วยคุณภาพที่สมบูรณ์ ?
คำตอบไม่ได้อยู่แค่ที่การขนส่งทั่วไป แต่คือการยกระดับมาตรฐานด้วย Good Distribution Practices (GDP) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่คือหัวใจสำคัญในการรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของยา บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงเทรนด์ตลาดยา ความสำคัญของ GDP และโอกาสที่ธุรกิจของคุณจะเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการเลือกพาร์ทเนอร์ขนส่งที่เข้าใจและได้มาตรฐาน
1. เทรนด์ตลาดยาที่เติบโต และความต้องการด้านการขนส่งสินค้าประเภทยาและ เวชภัณฑ์
แนวโน้มการเติบโตของตลาดยา
ในช่วงปี 2568-2570 อุตสาหกรรมยาในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างมั่นคง โดยวิจัยกรุงศรี คาดว่ามูลค่าการขายภายในประเทศจะเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 6–7% จากปัจจัยด้านต่าง ๆ อาทิ จำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การบริโภคอาหารที่ไม่ดี การไม่ออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ และความเครียด เป็นต้น, ปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ, และการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาและการรักษาได้ง่ายขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อแนวโน้มของตลาดยาที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โอกาสในการเติบโต
จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว ทำให้เห็นว่าตลาดยายังคงมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นได้จาก ปัจจัยต่อไปนี้
- ความต้องการยาที่สูงขึ้นจากประชากรสูงอายุและโรคเรื้อรัง: อัตราประชากรอายุมากกว่า 65 ปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการยารักษาดูแลระยะยาวและเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องสูงตามไปด้วย
- นโยบายรัฐสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ: รัฐจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ส่งเสริมการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ภายในประเทศ ถือเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตในไทยอย่างชัดเจน
- ศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณสุขและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์: ประเทศไทยนับว่าเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ในอาเซียน มีระบบโรงพยาบาลและโครงสร้างรองรับผู้ป่วยจากต่างประเทศจำนวนมาก สร้างโอกาสให้ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ เติบโตในตลาดต่างประเทศ
ความท้าทายในปี 2568
- การแข่งขันจากต่างประเทศและผู้ผลิตรายใหญ่: แม้ตลาดจะขยาย แต่ผู้เล่นต่างชาติที่มีเงินทุนและเทคโนโลยีสูงเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ทำให้การแข่งขันทวีความเข้มข้น
- ข้อจำกัดด้าน R&D และการผลิตขั้นสูง: ผู้ผลิตในประเทศยังมีศักยภาพจำกัดในการผลิตยาเทคโนโลยีสูงหรือยาชีววัตถุ เนื่องจากต้องใช้งบลงทุนสูงและต้องปรับปรุงสายการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานสากล
เมื่ออุตสาหกรรมยาในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำให้ความต้องการทางด้านโลจิสติกส์ที่มีมาตรฐานสูงเพื่อรองรับปริมาณและความซับซ้อนของการกระจายยาจึงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน อาทิ:
- การควบคุมคุณภาพ: ยาบางชนิด เช่น วัคซีน หรือยาที่ควบคุมอุณหภูมิต้องการการจัดเก็บ-ขนส่งที่แม่นยำ การมีระบบควบคุมอุณหภูมิและการติดตามสินค้า (Tracking) ที่ได้มาตรฐาน GDP จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาคุณภาพสินค้า
- ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย: ลูกค้าทั้งโรงพยาบาล ร้านยา และผู้บริโภคต้องการมั่นใจว่ายาและ เวชภัณฑ์ยา ถึงมืออย่างปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบย้อนกลับได้
- รองรับปริมาณและพื้นที่กระจายที่ขยายตัว: การบริหารจัดการคลังสินค้าขนาดใหญ่ การแยกอุณหภูมิ การวางแผนเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นในการรับมือความผันผวนของความต้องการจึงมีความจำเป็นอย่างมาก
2. GDP : มาตรฐานสากลที่การกระจายยาหลีกเลี่ยงไม่ได้

Good Distribution Practices (GDP) ไม่ใช่เพียงข้อกฎหมายหรือใบอนุญาต แต่คือมาตรฐานสากลที่ช่วยการันตีคุณภาพและความปลอดภัยของยา ตั้งแต่การจัดเก็บ การขนส่ง ไปจนถึงการส่งมอบถึงปลายทาง การปฏิบัติตาม GDP จึงหมายถึงการลดความเสี่ยงของยาที่เสื่อมคุณภาพหรือหมดประสิทธิภาพ ซึ่งอาจกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย สำหรับผู้ประกอบการยาและ เวชภัณฑ์ GDP จึงเป็น “หลักประกันคุณภาพ” ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยเหตุผลนี้ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยาหลายรายจึงเลือกที่จะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ อย่าง INTER EXPRESS LOGISTICS ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน GDP และมีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเรื่องการจัดเก็บและขนส่งที่ซับซ้อน ทำให้เจ้าของสินค้ามั่นใจได้ว่ายาและ เวชภัณฑ์ จะได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันและถึงมือผู้ป่วยอย่างปลอดภัย
3. เทคโนโลยีและโซลูชันใหม่ในการจัดเก็บและกระจายยา เวชภัณฑ์

ที่ INTER EXPRESS LOGISTICS เราเข้าใจความซับซ้อนของสินค้าประเภทยา จึงได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เพื่อให้การจัดเก็บและกระจายยาเป็นไปตามมาตรฐาน GDP ได้แก่
- ระบบควบคุมอุณหภูมิ: ระบบควบคุมอุณหภูมิ ทั้งในคลังสินค้าและรถขนส่งที่แม่นยำของเราสามารถรักษาระดับความเย็นของยาได้อย่างคงที่ ตั้งแต่คลังสินค้าจนถึงปลายทาง
- ระบบบริหารจัดการสินค้า: ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการขนส่งได้ครบวงจรผ่านระบบ Intership ตั้งแต่การนำเข้าข้อมูลการจัดส่ง การสร้างใบนำส่ง ไปจนถึงการติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าอยู่ในกระบวนการที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
- ทีม QA/QC: ทีมงาน QA/QC ที่ได้รับการอบรมมาโดยเฉพาะจะทำการตรวจสอบคุณภาพในทุกขั้นตอนอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าการบริการของเราเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุด
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุระหว่างการขนส่ง เรามีทีมและรถสำรองพร้อมเข้าดำเนินการทันที เพื่อขนย้ายยาและเวชภัณฑ์ไปเก็บรักษาในคลังที่ใกล้ที่สุด ภายใต้มาตรการควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน
4. โอกาสของผู้ประกอบการ: ขยายตลาดได้อย่างมั่นใจด้วยพันธมิตรที่ได้มาตรฐาน GDP
การเติบโตของตลาดยาในประเทศไทย สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการ การเลือกพันธมิตรด้านการจัดเก็บและการกระจายยาที่ได้มาตรฐาน GDP จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และเป็นใบเบิกทางสู่การขยายตลาดใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยระบบที่ได้มาตรฐาน ผู้ประกอบการสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าจะถูกส่งถึงมือผู้บริโภคด้วยคุณภาพที่คงเดิม ไม่ว่าจะเป็นยา เวชภัณฑ์ หรือวัคซีนที่ต้องการการดูแลอย่างพิถีพิถัน
อย่างไรก็ตาม การขนส่งยาและเวชภัณฑ์ คือหนึ่งในความเชี่ยวชาญของ INTER EXPRESS LOGISTICS ที่สั่งสมประสบการณ์และได้รับการรับรองมาตรฐาน GDP อย่างต่อเนื่อง จุดแข็งของเราคือ
- ความสามารถในการกระจายสินค้าทั่วประเทศอย่างครอบคลุม
- ระบบคลังสินค้าที่รองรับอุณหภูมิอย่างหลากหลาย ที่ยืดหยุ่นตามประเภทการจัดเก็บและชนิดของยา
- ทีม QA/QC คอยตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ อุปกรณ์ รถขนส่ง และบุคลากรทุกขั้นตอน
ท่ามกลางยุคที่ตลาดสุขภาพและอุตสาหกรรมยายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเลือกพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GDP ไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่คือ “ความจำเป็น” ที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ และทำให้คุณมั่นใจว่าสินค้าถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งยาและเวชภัณฑ์ INTER EXPRESS LOGISTICS พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่จะพาธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ด้วยประสบการณ์และระบบที่ได้มาตรฐานสากล
หากคุณกำลังมองหาโซลูชันการจัดเก็บและขนส่งที่เชื่อถือได้ พร้อมทีมงานที่เข้าใจมาตรฐาน GDP นี้ ติดต่อ INTER EXPRESS LOGISTICS เพื่อรับคำปรึกษาสำหรับธุรกิจของคุณ ได้ที่นี่
ที่มา : วิจัยธนาคารกรุงศรีฯ, BMI, Thailand Healthcare Market Report- Q1 2025